งบการเงินประจำปี2540บริษัทผาแดงฯและบริษัทย่อย (ฉบับสมบูรณ์)
- 18 -
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 2539 บริษัทย่อยดังกล่าวมีเงินกู้ยืมตามวงเงินดังกล่าวคงเหลือ
เป็นจำนวนเงิน 131.25 ล้านบาท และ 150 ล้านบาท ตามลำดับ
สัญญาเงินกู้ยืมระยะยาวทั้ง 2 ฉบับ ของบริษัทย่อยได้ระบุเงื่อนไขที่สำคัญ คือ
-ผู้กู้จะไม่ทำการจำนอง จำนำทรัพย์สินของผู้กู้แก่เจ้าหนี้รายอื่น
-การดำรงอัตราส่วนหนี้สินทั้งหมดต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของผู้กู้ ดังนี้
-เงินกู้วงเงิน 320 ล้านบาทให้ดำรงอัตราส่วนดังกล่าวไว้ไม่เกิน 4:1
-เงินกู้วงเงิน 150 ล้านบาท ให้ดำรงอัตราส่วนดังกล่าวไว้ไม่เกิน 2:1
-เมื่อผู้กู้ขอประนอมหนี้ ขอแปลงหนี้ใหม่หรือขอผ่อนระยะเวลาชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้อื่นใดให้แจ้ง
รายละเอียดให้ผู้ให้กู้ทราบทันที
- การลดทุนบริษัทผู้กู้ หรือจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สิน อันเป็นสาระสำคัญของบริษัทผู้กู้ ผู้กู้ต้องได้รับความ
ยินยอมจากผู้ให้กู้เป็นหนังสือก่อน
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2540 บริษัทย่อยดังกล่าวได้ทำการจดทะเบียนลดทุนกับกระทรวงพาณิชย์
จำนวน 750 ล้านบาท คงเหลือทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 จำนวน 250 ล้านบาท
ซึ่งการลดทุนของบริษัทดังกล่าว บริษัทได้แจ้งเป็นหนังสือแก่เจ้าหนี้เงินกู้ทั้งสองดังกล่าวแล้ว ซึ่งเจ้าหนี้
เงินกู้วงเงิน 320 ล้านบาท ได้มีหนังสือลงวันที่ 22 ธันวาคม 2540 ตอบกลับและยินยอมให้บริษัทลดทุนได้
ส่วนเจ้าหนี้เงินกู้วงเงิน 150 ล้านบาท ไม่มีหนังสือตอบกลับเกี่ยวกับการลดทุนในครั้งนี้ ทำให้บริษัทย่อย
ผิดสัญญาในการลดทุน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 บริษัทย่อยไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาดังกล่าวข้างต้น ดังนี้
-บริษัทย่อยดังกล่าวได้นำเงินฝากธนาคารจำนวนหนึ่ง ไปเป็นหลักประกันสัญญาขายเหรียญกับหน่วยงาน
ราชการแห่งหนึ่งเพื่อให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันให้ และมีการนำที่ดินพร้อมสิ่ง ปลูกสร้างไปจดจำนอง
เพื่อเป็นหลักประกันในการขอผ่อนผันการจ่ายชำระส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระในหนึ่งปีกับ
เจ้าหนี้เงินกู้วงเงิน 150 ล้านบาท ดังกล่าวข้างต้น
.../19
- 19 -
-สำหรับเจ้าหนี้เงินกู้วงเงิน 320 ล้านบาท ทางบริษัทย่อยดังกล่าวมิได้แจ้งเป็นหนังสือในกรณีนำที่ดิน
พร้อมสิ่งปลูกสร้างของบริษัทย่อยดังกล่าว ไปจดจำนองต่อเจ้าหนี้เงินกู้วงเงิน 150 ล้านบาท
-บริษัทย่อยดังกล่าวมีอัตราส่วนหนี้สินทั้งหมดต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 เท่ากับ
(3.29) : 1 ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญากู้ทั้งสองวงเงิน ดังกล่าวข้างต้น
ในกรณีที่ผู้กู้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญา ผู้ให้กู้อาจจะคิดดอกเบี้ยเพิ่มหรือผู้ให้กู้อาจจะแจ้งให้ผู้กู้
ดำเนินการแก้ไขกรณีผิดสัญญา หากผู้กู้ยังมิได้แก้ไข ผู้ให้กู้มีสิทธิบอกเลิกสัญญาแล้วเรียกเงินกู้ที่ค้างชำระคืน
ทั้งหมดได้ บริษัทกำลังดำเนินการเจรจากับธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อขอผ่อนผันการชำระหนี้ของ
บริษัทย่อยออกไป หนี้สินของบริษัทย่อยที่เกี่ยวข้องได้แสดงเป็นหนี้สินหมุนเวียนในงบดุลแล้ว
15.3 หนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการค้ำประกันบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 ประกอบด้วย
หนี้สินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 62,000,000
หนี้สินตามสัญญากู้ยืมร่วม 223,050,000
บาท 285,050,000
16. ทุนเรือนหุ้น
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2539 ผู้ถือหุ้นมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1,040 ล้านบาท เป็น 2,260
ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 122 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10.00 บาท ซึ่งบริษัทได้นำมติ
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2539 ตามมติดังกล่าวกำหนดให้ดำเนินการจัดสรร และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน
1.เสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 52 ล้านหุ้น แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ในราคา
หุ้นละ 10 บาท โดยกำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2539
2. เสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 70 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ลงทุนตามที่กำหนดในมติดังกล่าวโดย
กรรมการผู้จัดการมีอำนาจที่จะกำหนดราคาและเงื่อนไขในการเสนอขายตามความเหมาะสมต่อไป
../20
- 20 -
ในปี 2539 บริษัทได้รับชำระค่าหุ้นที่ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมบางส่วนเป็นเงินจำนวน 403,695,580 บาท
จากจำนวนหุ้นสามัญ 40,369,558 หุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท และบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเป็นทุน
ชำระแล้ว รวมเป็น 1,443,695,580 บาท เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2539
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2539 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมีมติให้นำหุ้นส่วนที่เหลือจำนวน 11,630,442
หุ้น ที่เหลือจากการขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมไปรวมกับส่วนที่จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง จำนวน
70 ล้านหุ้นต่อไป
17. ขาดทุนจากการใช้ระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราแบบลอยตัว
สำหรับปีสิ้นสุดเพียงวันที่ 31 ธันวาคม 2540 ผลขาดทุนจากการใช้ระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราแบบ
ลอยตัว ซึ่งคำนวณจากการแปลงค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้เป็นเงินบาทตาม
วิธีการที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 3.8 และแสดงเป็นรายการพิเศษในงบกำไร
ขาดทุนรวมและงบกำไรขาดทุนเฉพาะของบริษัทตามวิธีส่วนได้เสียมีจำนวนประมาณ 2,314 ล้านบาท
และ 1,833 ล้านบาท ตามลำดับ
18.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
บริษัทและบริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้จัดตั้งกองทุนเงินสะสมพนักงานสำหรับพนักงานของบริษัทที่สมัครเป็น
สมาชิกของกองทุน โดยหักจากเงินเดือนของพนักงานส่วนหนึ่งและบริษัทจ่ายสมทบให้อีกส่วนหนึ่ง บริษัท
ได้แต่งตั้งผู้จัดการกองทุนเพื่อบริหารกองทุนดังกล่าวตามกฎเกณฑ์และข้อกำหนดพระราชบัญญัติกองทุน
สำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 และในปี 2540 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ปิดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับ
พนักงานแล้ว
19.สำรองตามกฎหมาย
ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด บริษัทจะต้องจัดสรรกำไรสุทธิประจำปีส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนสำรอง
ไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของกำไรสุทธิประจำปี หักด้วยยอดขาดทุนสะสมยกมา (ถ้ามี) จนกว่าทุนสำรอง
นี้จะมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน สำหรับบริษัทย่อยตามประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ ทุกคราวที่จ่ายเงินปันผล บริษัทต้องจัดสรรเงินไว้เป็นทุนสำรองอย่างน้อย 1 ใน 20 ส่วน
ของจำนวนผลกำไรซึ่งบริษัทได้รับจากกิจการจนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึง 1 ใน 10 ของจำนวน
ทุนของบริษัท ทุนสำรองนี้จะมาจัดสรรปันผลไม่ได้จนกว่าจะเลิกกิจการ
.../21
- 21 -
20.ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น
20.1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 2539 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มี
ภาระผูกพันตามสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมผาแดง ดังนี้
ค่าดำเนินการให้ความสะดวกและบริการสนับสนุนต่อการดำเนินกิจการเป็นเงิน 540,240 บาท ต่อปี
และเพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 ปี ในอัตราร้อยละห้า ของอัตราในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา โดยเริ่มตั้งแต่
วันที่ 7 กันยายน 2535 รวมทั้งผลประโยชน์ตอบแทนต่อการใช้พื้นที่ที่ท่าเทียบเรือตามที่กำหนดในสัญญา
20.2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 2539 บริษัทและบริษัทย่อยมีภาระหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากการให้
ธนาคารค้ำประกันเป็นเงินประมาณ 101.03 ล้านบาท และ 241 ล้านบาทตามลำดับ
20.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 2539 บริษัทและบริษัทย่อยมีเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ยังไม่ได้ใช้
เป็นจำนวนเงินประมาณ 126.6 ล้านบาท และ 82 ล้านบาท ตามลำดับ
20.4 ในเดือนพฤศจิกายน 2538 บริษัทได้ทำบันทึกความเข้าใจกับบริษัทต่างประเทศแห่งหนึ่ง โดยมี
สาระสำคัญเกี่ยวกับการที่บริษัทจะลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนประมาณ 400 ล้านบาท
รวมทั้งการที่บริษัทและบริษัทดังกล่าวจะทำสัญญาซื้อขายแร่ระยะยาว จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2539
บริษัทได้ลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทดังกล่าวแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 205 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ขาย
เงินลงทุนดังกล่าวทั้งจำนวนแล้วในเดือนมิถุนายน 2540
20.5 ในเดือนธันวาคม 2538 บริษัทได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกรมสรรพากร
เป็นเงินค่าภาษีเงินได้นิติบุคคล เบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมทั้งหมดจำนวนประมาณ 31.72 ล้านบาท
ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2539 บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์ให้ยกเลิกการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลงดและลดเบี้ย
ปรับเงินเพิ่มดังกล่าว
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 ผลการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติ
.../22
- 22 -
21.สัญญาร่วมดำเนินงาน
บริษัทย่อยแห่งหนึ่งซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ได้ทำสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคม
อุตสาหกรรมผาแดง กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ฉบับลงวันที่ 7 กันยายน 2535
สัญญาดังกล่าวกำหนดให้บริษัทดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาที่ดินของบริษัทย่อยเพื่อจัดตั้งเป็น
นิคมอุตสาหกรรมผาแดง และโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ในส่วนที่เป็นระบบสาธารณูปโภค
ถนน และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมส่วนควบคุมและอุปกรณ์ให้แก่การนิคมอุตสาหกรรมแห่ง
ประเทศไทย โดยไม่คิดค่าตอบแทนตลอดจนการยอมให้บริษัทย่อยโอนสิทธิการใช้ประโยชน์
ในพื้นที่ที่พัฒนา และท่าเทียบเรือ และหรืออาคารในที่ดินดังกล่าวให้แก่นิติบุคคลอื่นที่บริษัทย่อย
หรือบริษัทถือหุ้นอย่างน้อย 30 % ของทุนจดทะเบียน
ในปี 2538 บริษัทย่อยได้ขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมผาแดง ให้กับนิติบุคคลอื่นสองราย
ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น โดยมีผลขาดทุนจากการขายที่ดินจำนวนประมาณ
73.3 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทย่อยจึงมีหนังสือลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539 ถึงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
เพื่อขอแก้ไขสัญญาร่วมดำเนินงานดังกล่าวกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือลงวันที่ 6 ตุลาคม 2538 ถึงบริษัทย่อยแจ้งว่า
คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้มีมติเพื่อดำเนินการต่อไปคือการขอแก้ไข
สัญญาของบริษัทให้ดำเนินการได้ภายใต้หลักการกฎหมายในการแก้ไขสัญญาของรัฐ ทั้งนี้ให้การ
นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรียกค่าชดเชยความเสียหายเป็นจำนวน 30% ของกำไรจาก
การที่บริษัทย่อยขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมผาแดงให้กับนิติบุคคลอื่น
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2539 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึงบริษัทย่อย
ให้บริษัทย่อยจ่ายค่าปรับจากการผิดสัญญาร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมผาแดงและสัญญา
เรื่องการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมผาแดง เป็นจำนวนเงิน 5,308,500 บาท โดยบริษัทย่อย
ได้จ่ายชำระค่าปรับดังกล่าวแล้วในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2539
สำหรับค่าชดเชยความเสียหายจำนวน 30% ของกำไรจากการที่บริษัทย่อยขายที่ดินดังกล่าวนั้น ณ
วันที่ 31 ธันวาคม 2540 ยังไม่มีข้อยุติ
.../23
- 23 -
22. ข้อผูกพันตามสัญญากับส่วนราชการ
บริษัทมีข้อผูกพันบางประการตามสัญญาเกี่ยวกับการทำเหมืองและการก่อสร้างโรงถลุงแร่สังกะสีที่ทำกับ
ส่วนราชการ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดการจำหน่ายโลหะสังกะสีและโลหะผสมสังกะสี รวมทั้งข้อกำหนดการ
จ่ายผลประโยชน์และเงินโบนัสพิเศษ
23. สิทธิและหน้าที่ในการรับการส่งเสริมการลงทุน
23.1 บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์บางประการในฐานะผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามพระราชบัญญัติ
ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ซึ่งรวมถึงการยกเว้นอากรขาเข้าและภาษีการค้าสำหรับเครื่องจักร
และอุปกรณ์ต่างๆ บางอย่างที่นำเข้ามาเพื่อใช้เกี่ยวกับการผลิต และการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
สำหรับกำไรสุทธิประจำปีสำหรับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ดังต่อไปนี้
บัตรส่งเสริมการลงทุนเลขที่ 1178/สอ./2532ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิ
เป็นเวลาห้าปีแต่ไม่เกินเดือนมกราคม พ.ศ. 2536 นอกจากนี้บริษัทยังได้รับอนุญาตให้ได้รับลดหย่อน
ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนด 5 ปี
นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลดังกล่าว
บัตรส่งเสริมการลงทุนเลขที่ 1575/2539ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการ
ประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริมมีกำหนดเวลาแปดปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ
นอกจากนี้บริษัทยังได้รับอนุญาตให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุน
ในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนด 5 ปี นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษี
เงินได้นิติบุคคลดังกล่าว
../24
- 24 -
การสำรวจแร่ (ที่จังหวัดแพร่และจังหวัดตาก)
บัตรส่งเสริมการลงทุนเลขที่ 1422/2537 ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการ
ประกอบกิจการมีกำหนดเวลาแปดปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ นอกจากนี้บริษัท
ยังได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติ
มีกำหนด 5 ปี นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลดังกล่าว
แร่แคลไซน์และกรดกำมะถัน
บัตรส่งเสริมการลงทุนเลขที่ 1185/2536ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิเป็นเวลา
แปดปี นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2538 นอกจากนี้บริษัทยังได้รับอนุญาตให้ได้รับลดหย่อนภาษี
เงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนด 5 ปี
นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลดังกล่าว
ผู้ถือหุ้นของบริษัทจักได้รับประโยชน์จากการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผล ซึ่งจะได้รับจากบริษัท
ตลอดระยะเวลาที่บริษัทได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลอีกประการหนึ่งด้วย
บริษัทจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในบัตรส่งเสริมการลงทุน
..../25
- 25 -
23.2 บริษัท เซาท์ อีส เอเซีย เมทัลส์ จำกัด ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามพระราชบัญญัติส่งเสริม
การลงทุน พ.ศ. 2520 ในกิจการแปรรูปหรือแปรสภาพโลหะ และผลิตผลิตภัณฑ์เคมี
ในวันที่ 25 ตุลาคม 2536 บริษัทได้รับการแก้ไขการส่งเสริมการลงทุน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริม
การลงทุน พ.ศ.2520 จากกิจการแปรรูป หรือแปรสภาพโลหะและผลิตภัณฑ์เคมีมาเป็นกิจการถลุงแร่
และการผลิตเคมีภัณฑ์ขั้นอุตสาหกรรมมูลฐาน โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ใหม่ ดังนี้
-ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร
-ได้รับลดหย่อนอากรขาเข้าร้อยละ 75 ของอัตราปกติสำหรับวัตถุดิบ หรือวัสดุจำเป็นที่นำเข้ามาใช้ใน
การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศครั้งละ 1 ปี รวมแล้วไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันนำเข้าครั้งแรก
-ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริมมี
กำหนดเวลา 8 ปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น และหลังจากนั้นให้ได้รับลดหย่อน
ภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติมีกำหนด
5 ปี
-ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลจากบริษัทไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตลอด
ระยะเวลาที่บริษัทได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2538 บริษัทย่อยดังกล่าวได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนขอยกเลิก
การขอรับการส่งเสริมในกิจการผลิตปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ส่วนในกิจการถลุงแร่อยู่ระหว่างดำเนินงาน
การขอยกเลิกการขอรับการส่งเสริม ต่อมาเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2539 บริษัทได้ทำหนังสือเพื่อขอยก
เลิกการขอรับการส่งเสริมในกิจการถลุงแร่ดังกล่าว
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2539 บริษัทย่อยดังกล่าวถูกเพิกถอนสิทธิและประโยชน์ทั้งหมดที่ได้รับจากสำนักงาน
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามคำสั่งที่ พ.40/2539
.../26
(ยังมีต่อ)