ผาแดงอินดัสทรีนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1
บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)
สรุปฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน
(สอบทานแล้ว)
(หน่วย : พันบาท)
งบดุล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2538 2537
สินทรัพย์หมุนเวียน 2,358,654 1,738,479
สินทรัพย์รวม 7,399,019 6,646,293
หนี้สินหมุนเวียน 1,229,273 939,773
ส่วนของผู้ถือหุ้น 4,203,997 4,308,200
งบกำไรขาดทุน งวด 3 เดือน
2538 2537
รายได้จากการขาย 489,480 520,321
รายได้รวม 517,583 528,727
ต้นทุนขาย 313,745 359,219
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 88,650 82,862
กำไรสุทธิก่อนขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 91,495 66,703
หัก ขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (55,466) (29,905)
กำไรสุทธิหลังขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 36,029 36,798
กำไรสุทธิก่อนขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม-
ประจำไตรมาสต่อหุ้น (บาท) 0.88 0.64
กำไรสุทธิหลังขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม-
ประจำไตรมาสต่อหุ้น (บาท) 0.35 0.35
บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)และบริษัทย่อย
สรุปฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน
(สอบทานแล้ว)
(หน่วย : พันบาท)
งบดุล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2538 2537
สินทรัพย์หมุนเวียน 3,395,664 3,276,742
สินทรัพย์รวม 8,352,202 8,079,242
หนี้สินหมุนเวียน 2,182,456 2,283,762
ส่วนของผู้ถือหุ้น 4,203,997 4,299,160
งบกำไรขาดทุน งวด 3 เดือน
2538 2537
รายได้จากการขาย 495,660 520,321
รายได้รวม 531,169 529,018
ต้นทุนขาย 313,962 359,219
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 130,245 84,850
กำไรสุทธิรวมก่อนขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 61,894 65,006
หัก ขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (25,865) (29,905)
กำไรสุทธิรวมหลังขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 36,029 35,101
กำไรสุทธิรวมก่อนขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม-
ประจำไตรมาสต่อหุ้น (บาท) 0.60 0.63
กำไรสุทธิรวมหลังขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม-
ประจำไตรมาสต่อหุ้น (บาท) 0.35 0.34
ผู้สอบบัญชีได้ระบุเพิ่มเติมในรายงานการสอบทานดังนี้
"...ตามที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลรวมข้อ 4.1 การตัดจ่ายค่าใช้
จ่ายรอตัดบัญชีจำนวนรวมประมาณ 185 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2538 ของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งขึ้น
อยู่กับการพิจารณาโครงการต่อไป ซึ่งผลการพิจารณาอาจจะมีผลกระทบต่องบการเงินรวมประจำไตรมาส
แรกของปี 2538..."
หมายเหตุประกอบงบการเงิน
4. สินทรัพย์อื่น
4.1 สินทรัพย์อื่นส่วนหนึ่งจำนวนประมาณ 185 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2538 เป็นค่าใช้
จ่ายรอตัดบัญชีที่เกี่ยวกับโครงการลงทุนแร่สังกะสีและตะกั่วของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งผู้ร่วมโครงการเดิมได้
ถอนตัวจากการร่วมโครงการนั้นและบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาโครงการ ดังนั้นการตัดจ่ายค่าใช้
จ่ายรอตัดบัญชีดังกล่าวจึงขึ้นอยู่กับผลการพิจารณาต่อไป
4.2 งบดุลรวมงวด 2537 ได้รวมสินทรัพย์อื่นส่วนหนึ่งจำนวนประมาณ 51.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงิน
ลงทุนและเงินทดรองจ่ายแก่บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ร้อยละ 51 ผู้บริหารของบริษัทได้ทราบว่า
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2537 บริษัทย่อยแห่งนั้นได้จดทะเบียนเลิกบริษัทแล้ว บริษัทคาดว่าจำนวนเงินที่จะ
ได้รับคืนหลังจากการชำระบัญชีของบริษัทย่อยนั้นมีประมาณ 1.4 ล้านบาท แต่บริษัทมิได้ปรับปรุงลดค่าเงิน
ลงทุนและเงินทดรองจ่ายดังกล่าว
ในไตรมาสสิ้นสุดเพียงวันที่ 31 ธันวาคม 2537 บริษัทได้รับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุนและเงิน
ทดลองจ่ายเป็นจำนวนประมาณ 50.3 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อยนั้นดำเนินการเลิกกิจการเสร็จสิ้นแล้ว
พร้อมนี้บริษัทได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ดังนี้
จากงบการเงินดังกล่าว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิก่อนหักส่วนได้เสียในกำไร (ขาดทุน) สุทธิที่ยังไม่ได้
แบ่งของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม จำนวน 91.495 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
2537 ซึ่งมีจำนวน 66.703 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.17 ทั้งนี้เพราะ
1. ราคาขายถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมตริกตันละ 4,217.09 บาท เนื่องจากราคาเฉลี่ยของโลหะสังกะสีใน
ตลาดโลก (ราคา LME) ในรอบ 3 เดือนแรกของปี 2538 เท่ากับเมตริกตันละ 1,070 เหรียญสหรัฐ
สูงกว่าราคา LME เฉลี่ยในไตรมาสแรกของปี 2537 ซึ่งเท่ากับเมตริกตันละ 967 เหรียญสหรัฐ
2. ต้นทุนขายถัวเฉลี่ยลดลงเมตริกตันละ 1,327.32 บาท
3. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 27 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารวมส่วนได้เสียในขาดทุนสุทธิที่ยังไม่ได้แบ่งของบริษัทย่อย 3 แห่ง บริษัทฯ มี
กำไรสุทธิลดลงเหลือเพียง 36.029 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกันของปี 2537 ซึ่งมีจำนวน 36.798 ล้านบาท