PDI กำไรครึ่งปีแรก 523 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาก จากปีก่อนที่มีกำไร 131 ล้านบาท

นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (PDI) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2560 ว่า บริษัทฯ รายได้จากการขายสินค้าและบริการ 2,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 2,510 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ 523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 392 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาท

ผลประกอบการที่ดีมากนี้เป็นผลมาจากราคาโลหะสังกะสีโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นและค่าพรีเมี่ยมจากการขายตลาดในประเทศที่สูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยในครึ่งแรกของปี 2560 อยู่ที่ 2,690 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีราคาเฉลี่ยที่ 1,796 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับบริษัทฯ ได้มีการรับรู้รายได้จำนวน 59 ล้านบาทจากการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด และรับรู้รายได้อีกจำนวน 50 ล้านบาทจากการขายเงินลงทุนในบริษัท ผาแดงอินดัสทรี (ประเทศลาว) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่สองของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 211 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกับของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2559ที่ผ่านมา พีดีไอมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 5,341 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 478 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรที่สูงสุดในรอบ 5 ปี

จากผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ประกอบกับราคาโลหะสังกะสีโลกและค่าพรีเมียมจากการขายตลาดในประเทศที่ยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลการดำเนินงานที่ดีของโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานของพีดีไอในปี 2560 ยังคงมีความโดดเด่น

พีดีไอยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามแผนกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีความก้าวหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทน โดยโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่สองของพีดีไอในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 10.57 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าเป็นไปด้วยดีและคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาสสามของปี 2560 ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 6.5 เมกะวัตต์ที่จังหวัดตากซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พีดีไอ แม่ระมาด จำกัด มีผลการดำเนินงานสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยพีดีไอยังคงสนใจและหาโอกาสลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง