ไตรมาสแรกปี 2561 PDI กำไรสุทธิ 97 ล้านบาท ธุรกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง

PDI  เผยผลประกอบการไตรมาส 1/61 เป็นไปตามเป้าหมาย มีกำไรสุทธิ  97 ล้านบาท จากธุรกิจการค้าโลหะสังกะสีและธุรกิจพลังงานทดแทน  พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรที่ยั่งยืนต่อเนื่อง  ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตรวมของโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มให้ได้อีก  100 เมกะวัตต์ ภายในปีนี้

นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท  ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2561 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม  1,289 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 97 ล้านบาท

ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ แม้จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560  ซึ่งมีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ ได้ยุติธุรกิจสังกะสีในกระบวนการผลิตแบบเดิมและปรับสู่ธุรกิจการค้าโลหะสังกะสีหรือเทรดดิ้งอย่างเต็มตัว  ทำให้มีกำไรหรือมาร์จิ้นการขายสังกะสีน้อยมาก เทียบไม่ได้กับโลหะสังกะสีที่ผลิตจากสต็อกแร่ต้นทุนต่ำที่มีอยู่เมื่อปีที่แล้ว  อย่างไรก็ตามภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ของ PDI คาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มที่ดีมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจด้านพลังงานทดแทนเป็นหลัก และรายได้อื่นจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่และไม่ได้ใช้งานแล้วจากธุรกิจสังกะสี

PDI ประสบความสำเร็จด้านการลงทุนในช่วงเปลี่ยนผ่านธุรกิจสังกะสีสู่ธุรกิจใหม่ที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานทดแทน ปัจจุบัน PDI  มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์มที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นรวม 50  เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถรับรู้รายได้และมีกำไรทดแทนธุรกิจสังกะสี ในปีนี้ PDI  จะดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มทั้งหมดในกลุ่มพีดีไอ เอ็นเนอร์ยี เพื่อให้การผลิตเป็นไปด้วยความราบรื่น ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุนเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้อีก 100 เมกะวัตต์ภายในปีนี้   PDI ยังคงมองหาโอกาสเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไรเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลทั่วไป

บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือเรียกย่อว่า พีดีไอ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2524 เป็นบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีทุนจดทะเบียน 2,260 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่และถลุงแร่สังกะสีมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี ในปี  2557 บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่เพื่อยกระดับขึ้นสู่ “อุตสาหกรรมสีเขียว” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจัดโครงสร้างธุรกิจเป็น 3  กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. พีดีไอ เอ็นเนอร์ยี ดำเนินธุรกิจจัดหาพลังงานจากพลังงานทดแทนเป็นหลัก 2. พีดีไอ แมททีเรียล ดำเนินธุรกิจจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มจากการรีไซเคิล และ 3. พีดีไอ อีโค ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม